ksc connection

Big Ass ฝุ่น

ฉันยังห่าง-พลพล

MV วันนั้นอย่าลืมวันนี้ : พลพล

ห่วงใย พลพล

ยังยิ้มได้ พลพล

คนคนนี้ พลพล

รักเดียวใจเดียว - ธนพล อินทฤทธิ์ Thanapon Intharit

คนไม่สำคัญ-พลพล

เล่าสู่กันฟัง -ธงไชย แมคอินไตย์

โอ๊ย โอ๊ย เบน ชลาทิศ

เพราะฉันยังรัก - เบน ชลาทิศ

เงียบๆคนเดียว

mv.คนเคยรักที่ยังผูกพัน (Flavour)

Tomorrow Hwanhee Over the Rainbow OST

LOVER'S MOON - GLENN FREY

ขายที่ดินเปล่า 21ไร่ ทำเลสวย ถูกสุดๆท้าพิสูทธิ์ [Engine by iGetWeb.com]

ขายที่ดินเปล่า 21ไร่ ทำเลสวย ถูกสุดๆท้าพิสูทธิ์ [Engine by iGetWeb.com]

ขายที่ดินเปล่า 12 ไร่ ทำสวยมากๆถมแล้ว จ.เชียงใหม่ [Engine by iGetWeb.com]

ขายที่ดินเปล่า 12 ไร่ ทำสวยมากๆถมแล้ว จ.เชียงใหม่ [Engine by iGetWeb.com]

cheevitrungrueang_family: cheevitrungrueang_family: cheevitrungrueang_family: คำคม คารม อารมณ์รัก สำนวนภาษาอังกฤษ about LOVE

cheevitrungrueang_family: cheevitrungrueang_family: cheevitrungrueang_family: คำคม คารม อารมณ์รัก สำนวนภาษาอังกฤษ about LOVE

cheevitrungrueang_family: cheevitrungrueang_family: คำคม คารม อารมณ์รัก สำนวนภาษาอังกฤษ about LOVE

cheevitrungrueang_family: cheevitrungrueang_family: คำคม คารม อารมณ์รัก สำนวนภาษาอังกฤษ about LOVE

cheevitrungrueang_family: คำคม คารม อารมณ์รัก สำนวนภาษาอังกฤษ about LOVE

cheevitrungrueang_family: คำคม คารม อารมณ์รัก สำนวนภาษาอังกฤษ about LOVE: "สำนวนภาษาอังกฤษ abou LOVE (aidsarawed and tanakorn cheevitrungrueang) I love you not because of who you are, but because of who I am when ..."

cheevitrungrueang_family: หลวงพ่อจรัญสอนกัมมัฏฐาน (ธรรมมะปฏิบัติได้ทุกที่ทุก...

cheevitrungrueang_family: หลวงพ่อจรัญสอนกัมมัฏฐาน (ธรรมมะปฏิบัติได้ทุกที่ทุก...

หลวงพ่อจรัญสอนกัมมัฏฐาน (ธรรมมะปฏิบัติได้ทุกที่ทุกเวลา)









กรวดน้ำ คืออะไร และทำเพื่ออะไร?(ตั้งจิตให้มั่น หมั่นทำปฏิบัตจะเจริญรุ่งเรือง)

กรวดน้ำ คืออะไร และทำเพื่ออะไร?


กรวดน้ำ คือ การตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่เราได้ทำไว้แล้วไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หร้อมทั้งรินน้ำให้ไหลลงไปที่พื้นดิน หรือ ที่รองรับแล้วเอาไปเทที่พื้นดินอีกต่อหนึ่ง หรือ รดที่โคนต้นไม้ก็ได้ เพื่อให้จำง่ายไม่สับสน จึงขอแยกเป็นข้อๆ ดังนี้


1. การกรวดน้ำ มี 2 วิธี คือ
1.1 กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
1.2 กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนม อธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้


2. การอุทิศผลบุญมี 2 วิธี คือ
2.1 อุทิศเจาะจง ได้แก่ การออกชฃื่อผู้ที่เราจะให้ท่านรับ เช่น พ่อ...แม่..ลูก..หรือใคร่ก็ได้
2.2 อุทิศไม่เจาะจง ได้แก่ การกล่าวรวมๆ กันไป เช่น ญาติทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นต้น
ทางที่ถูก ควรทำทั้งสองวิธี คือ ผู้ที่มีคุณหรือมีเวรต่อกันมากเราควรอุทิศเจาะจงที่เหลือก็อุทิศรวมๆ


3. น้ำกรวด ควรเป็นน้ำที่สะอาด ไม่มีสีและกลิ่น และเมื่อกรวดก็ควรรินลงในที่สะอาด อย่ารินลงกระโถนหรือที่สกปรก


4. น้ำเป็นสื่อ – ดินเป็นพยาน การกรวดน้ำ มิใช่อุทิศไปให้ผู้ตายกินน้ำ แต่ใช้น้ำเป็นสื่อและใช้แผ่นดินเป็นพยานให้รับรู้ ในการอุทิศส่วนบุญ



5. ควรกรวดน้ำตอนไหน ? ควรกรวดน้ำทันทีในขณะที่พระอนุโมทนา แต่ถ้าไม่สะดวกจะทำตอนหลังก็ได้ แต่ทำในขณะนั้นดีกว่าด้วยเหตุ 2 ประการ
5.1 ถ้ามีเปรตญาติมารอรับส่วนบุญ ท่านก็ย่อมได้รับในทันที
5.2 การรอไปกรวดที่บ้าน หรือ กรวดภายหลังบางครั้งก็อาจลืมไปผู้ที่เขาตั้งใจรับก็อด ผู้ที่เราตั้งใจจะให้ก็ชวดไปด้วย


6. ควรรินน้ำตอนไหน ? ควรเริ่มรินน้ำพร้อมกับตั้งใจอุทิศในขณะที่พระผู้นำเริ่มสวดว่า “ยะถา วาริวะหาปูรา...” และ รินให้หมดในเมื่อพระว่ามาถึง “...มะณิโชติระโส ยะถา...” พอพระทั้งหมดรับพร้อมกันว่า “สัพพีติโย วิวัชชันตุ...” เราก็พนมมือรับพรท่านไปจนจบ จึงจะถือว่ถูกต้อง


7. ถ้ายังว่าบทกรวดน้ำไม่เสร็จ จะทำอย่างไร ? ก็ควรใช้บทกรวดน้ำที่สั้นๆ หรือใช้บทกรวดน้ำย่อก็ได้ เช่น “อิทัง โน ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตโยะ ขออุทิศส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่.... (ออกชื่อผู้ล่าวลับ) และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด หรือจะใช้แต่ภาษาไทยอย่างเดียว ก็ได้ว่า “ขออุทิศส่วนบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนี้จงสำเร็จแก่ พ่อ แม่ ญาติ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงได้รับส่วนบุญกุศลครั้งนี้โดยเร็วพลัน และโดยทั่วถึงกันเทอญ.”

ส่วนบทยาวๆ เราควรเอาไว้กรวดส่วนตัว พรือกรวดในขณะทำวัตรสวดมนต์รวมกันก็ได้

ข้อสำคัญ ถ้าเป็นภาษาพระ ควรจะรู้คำแปล หรือความหมายด้วยถ้าไม่รู้ความหมายก็ควรใช้คำไทยอย่างเดียวดีกว่า เพราะป้องกันความโง่งมงายได้


8. อย่าทำน้ำสกปรก ด้วยกาเอานิ้วไปรอไว้ ควรรินให้ไหลเป็นสายไม่ขาดระยะ และไม่ควรใช้วิธีเกาะตัวกันเป็นกลุ่ม หรือ เป็นทางเหมือนเล่นงูกินหาง ถ้าเป็นในงานพิธีต่างๆ ให้เจ้าภาพหรือประธาน รินน้ำกรวดเพียงคนเดียว หรือคู่เดียวก็พอ คนนอกนั้นก็พนมมือตั้งใจอุทิศไปให้


9. การทำบุญและอุทิศส่วนกุศล ควรสำรวมจิตใจ อย่าให้จิตฟุ้งซ่าน ปลูกศรัทธา ความเชื่อ และปสาทะความเลื่อมใสให้ มั่นคงในจิตใจ ผลของบุญและการอุทิศส่วนบุญ ย่อมมีอานิสงส์มาก ผลบุญที่เราอุทิศไปให้ ถ้าไม่มีใครมารับก็ยังคงเป็นของเราอยู่ครบถ้วน ไม่มีผู้จะมาโกงหรือแย่งชิงเอาไปได้เลย



10. บุญเป็นกายสิทธิ์ ยิ่งให้ยิ่งมาก ยิ่งตระหนี่ยิ่งน้อย ยิ่งอุทิศให้คนอื่นหมดเลย เราก็ยิ่งจะได้บุญหมดเลย

(ขออนิสงฆ์ในการเผยแพร่นี้จงแพร่ไปให้ไพศาลถึงคุณบิดามารดา ปู่ย่าตายาย เจ้ากรรมนายเวร หลวงพ่อคง พระร่วง หลวงพ่อทองดี น้องนิมิต เทวา16ชั้นฟ้า15ชั้นดิน พระแม่ธรณี เทอญ.สาธุ)

แก้กรรม วีธีฝึกกรรมฐานแบบเปิดโลก หลวงพ่อคง จตฺตมโลวัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี

วีธีฝึกกรรมฐานแบบเปิดโลก
หลวงพ่อคง จตฺตมโลวัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี

วิธีการปฏิบัติ : นั่งสมาธิภาวนาแบบ “ธรรมะเปิดโลก”
(หายใจแรงๆ เข้า ออก-เข้า ออกๆ)

ขอ แนะนำวัดเขาสมโภชน์ เพราะว่าวัดนี้เป็น การปฏิบัติกรรมฐานแบบเปิดโลก (การเปิดให้เห็นทั้ง 3 โลก แบบที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงในวันที่พระองค์เสด็จลงมาจากการขึ้นไปโปรดพุทธ มารดา) แต่ที่วัดนี้ คำว่า เปิดโลก ไม่ใช่ว่าสามารถทำได้อย่างพระพุทธเจ้า แต่เป็นการให้นั่งดูกรรมตัวเอง ดูว่าที่เราปวดหัว ปวดเข่า เป็นอะไร เพราะว่าอะไร อย่างบางคนเห็นตัวเองเป็นทหารสมัยของพระเจ้าตากสิน พอมาที่วัดก็จะรู้สึกว่าตัวเองเจ็บคน พอนั่งดูแล้วก็จะเห็น พอเห็นแล้ว ถ้าเขาทำเราให้ตายก็อโหสิให้เรา จะได้ไม่เป็นเวรเป็นกรรมกันอีก แต่ว่าถ้าเราทำให้เขาตาย ก็ให้เราขออโหสิกับเขา







วิธีปฏิบัตินำมา จากหลวงพ่อคง จตฺตมโล (ท่านอาราธณาพระพุทธเจ้าช่วย) แต่ตอนนี้ท่านปลงสังขารแล้ว แต่มีหลวงพ่อผิว ซึ่งเป็นผู้ติดตามของหลวงพ่อคง (จึงเรียกได้ว่าเป็นมือขวา) ได้รับหน้าที่เป็นผู้นำญาติโยมฝึกต่อ

วัดเขาสมโภชน์ เป็นที่ปฏิบัติธรรมเห็นกรรมเวรอดีตชาติทำกรรมอะไรไว้บ้าง
ชาตินี้ถึงส่งผลมาเป็นเช่นนี้ อยากรู้ไปค้นหา ปฏิบัติรู้ได้ด้วยตนเอง

- เป็นสถานที่ให้ความรู้ทางด้านกฎแห่งกรรม
- ไปไหว้พระอรหันต์ที่กลายเป็นหินบนยอดเขา
- ไปกราบมนัสการหลวงปู่คง อยู่ในโลงแก้วไม่เน่าไม่เปื่อย
- ไปทำบุญให้กับฝูงลิงที่นับวันมากขึ้นทุกที อาหารการกินน้อยลง
- ไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร มีถ้ำและธรรมชาติที่สวยงาม
- ไปค้างจะมีบริการให้ครบหมดที่นอน หมอน มุ้ง กลด ผ้าห่ม
- อาหารจะเป็นมังสะวิรัติหมด ไม่มีเนื้อสัตว์
- เพียงแต่หอบสังขารและจิตคิดศรัทธาที่จะปฏิบัติเท่านั้น


ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก

ความ เป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก คือ กาลครั้งหนึ่งสมัยที่สมเด็จพระบวรนาถสมณโคดมยังทรงพระชนม์อยู่ ในกาลนั้นได้เสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวสถานเพื่อโปรดพระพุทธมารดา ในวันที่เสด็จกลับจากดาวดึงส์ ได้มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากคอยรับเสด็จอยู่ ในครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงใช้พุทธานุภาพแสดงโลกทั้งสามให้ปรากฏ แก่พสกนิกรผู้เป็นศานุศิษย์ของพระพุทธชินสีห์ ประชาชนที่มารับเสด็จในวันนั้น ต่างก็ได้รับทิพยจักขุญาณ เห็นเทวโลก มนุษยโลก และอบายโลก พร้อมกัน กล่าวคือ เทวดาทั้งหลายก็เห็นมนุษย์และสัตว์ในอบาย มนุษย์ทั้งหลายก็เห็นเทวดาและสัตว์ในอบาย สัตว์ในอบายทั้งหลายก็เห็นทั้งมนุษย์และเหล่าเทวดา เรียกว่าทั้งสามโลกมองเห็นกันทะลุปรุโปร่ง

ในวันนี้พระพุทธคุณนั้น เป็นอานุภาพที่ไร้ขอบเขต ทรงฤทธานุภาพสูงสุดในจักรวาล ในวันนั้นเทวดามนุษย์และสัตว์เดรัจฉานทั้งปวงต่างๆ ก็ได้พบพ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ มิตรสหาย และบริวารเก่าๆ ที่กำลังเสวยผลกรรมอยู่ในภพต่างๆ กัน เป็นทุกขเวทนาบ้าง สุขเวทนาบ้าง จึงเกิดเมตตาจิต อธิษฐานอโหสิกรรมผู้ที่ได้เคยกระทำชั่วต่อกันมาให้ได้พ้นจากบาป กรรมเวรเหล่านั้น

ในวันนั้นเอง มีผู้มีปัญญาเกิดความเบื่อหน่ายคลายความยินดีในภพชาติ หลุดพ้นจากอาสวะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก จากนั้นมาธรรมะเปิดโลกก็มิได้ปรากฏในพระประวัติพระพุทธศาสนาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อหลวงพ่อคง จตฺตมโล พุทธสาวกสมัยพุทธกาลนี้ ได้ถือเนกขัมมะวัตรเป็นบรรพชิตบำเพ็ญเพียรด้วยวิริยะอันแรงกล้า วิรัติแล้วจากการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อม ตั้งแต่อยู่ในฆราวาสวิสัย ดำริมั่นที่จะออกจากกาม ได้จาริกเพื่อเจริญวิมุติญาณเข้าสู่โลกกุตระสภาวะมาโดยลำดับ

จน กระทั่งลุถึง ถ้ำอรหันต์ เขาสมโภชน์ ลพบุรี ท่านได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอุกฤษฏ์ จนบังเกิดความตึงเครียดในทุกส่วนของประสาท ก็ยังไม่สำเร็จผลดังหวัง ทำให้รู้สึกท้อแท้ ท่านจึงน้อมจิตอธิษฐานว่า หากคุณพระพุทธเจ้ามีจริง ขอทรงมาโปรดให้ท่านมีดวงตาเห็นธรรมด้วยเถิด ในครั้งนี้เอง ก็มีปรากฏการณ์บังเกิดขึ้นกับหลวงพ่อ ท่านได้พบพระวิสุทธิสัมมาสัมพุทธเทพ และได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติกรรมฐาน อาศัยบุญบารมีเก่าที่หลวงพ่อคงเคยเป็นหลวงพ่อร่วง ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิกถาไว้สั่งสอนปวงชนมาก่อน พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรมะเปิดโลกให้ เมื่อหลวงพ่อใช้กำลังสติปัญญาเข้าพิจารณาภูมิอันเป็นอาสวะแห่งงวัฏฏะแล้ว เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตใจมุ่งเข้าสู่ความบริสุทธิ์ สำเร็จวิสุทธิญาณในวันนั้นเอง

จากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าบรมโลกเชษฐ์ได้ทรงประทาน พุทธานุญาตให้หลวงพ่อคงโปรดแสดงธรรมะเปิดโลกแก่พสกนิกรพุทธบริษัทได้ โดยอาราธนาพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และอริยสังฆานุภาพ มาเป็นอำนาจเปิดโลก เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจแจ้งเรื่องกรรมและกลไกของกรรมโดยถ่องแท้

กรรมฐานธรรมะเปิดโลก จึงได้รับการถ่ายทอดสาธิตจากหลวงพ่อคงนับตั้งแต่นั้นมา


หลักการฝึกจิตแบบธรรมะเปิดโลก

ธรรม เปิดโลกเป็นอานุภาพที่พระพุทธเจ้าทรงใช้สมัยเสด็จลงจากดาวดึงส์ โดยใช้พุทธานุภาพเปิดโลกทั้งสามให้มนุษย์ เทวดา และเปรต นรก เห็นกันได้หมด จากนั้นก็ไม่มีปรากฏการณ์ทำนองนี้อีกเลยในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

จน กระทั่งหลวงพ่อคงท่านปฏิบัติมหาสติปัฏฐานอยู่ที่ถ้ำอรหันต์ ลพบุรี หวังหลุดพ้นแต่ยังไม่หลุดพ้นสักที ท่านจึงอธิษฐานว่าหากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริงขอให้โปรดท่านให้มีดวงตาเห็นธรรมะและหลุดพ้นด้วยเถิด

และ ในที่สุดท่านก็ปฏิญาณว่าท่านได้พบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง และถึงฝั่งอรหันตภูมิแล้ว จึงประกาศธรรมะเปิดโลก แต่กำลังพระอรหันต์ไม่เท่าพระพุทธเจ้าที่จะสามารถทำให้เห็นด้วยตาเปล่าได้ แต่ทำให้เห็นด้วยญาณ และปรากฏการณ์ทางกายและจิตใจได้

ด้วยกายนี้ เป็นที่ตั้งแห่งกรรมชรูป และจิตชรูป กรรมกิเลส ตัณหา และอวิชชามากมาย โดยมีจิตและเจตสิกเป็นผู้ทำงานร่วมพร้อมด้วยตลอดเวลา จึงให้ใช้กายเป็นฐานในการบำเพ็ญจิต เพื่อคลายอาสวะเหล่านั้นแห่งเจตสิกออกมา

เมื่อมีการกระทบกันของกาย จิต เจตสิก ย่อมเกิดการเคลื่อนไหว และการคลายตัวตามธรรมชาติ คลายมลทินต่างๆ ที่ฝังแน่นในอัตตาออกมาในรูปของการสะท้อน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่อัดแน่นอยู่ในตัวตน และเพื่อให้ปลอดภัยและรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านให้ถวายกรรม ถวายเวรให้แก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อน และให้อาราธนาพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพมาโปรดกำกับกระบวนการด้วย

ก่อน อื่นผู้ประสงค์จะเจริญกรรมฐานธรรมะเปิดโลก จะต้องถวายกรรม ถวายเวรให้กับพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าก่อน เพื่อเป็นการอาราธนาอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ลงมาโปรด หากไม่อาราธนาแล้วท่านจะไม่มายุ่งด้วย เพราะถือว่าเจ้าของไม่อนุญาต แต่เมื่อาราธนาแล้ว น้อมธรรมะมาใส่ตัว อานุภาพของพระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมเจ้าก็ดี พระสังฆเจ้าก็ดี จะลงมาโปรดเปิดโลกให้ได้รู้


วิธีภาวนา

เมื่อ มอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ต่อไปก็น้อมรับอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มาสถิตประสิทธิ์ประสาทในขันธสันดานของตน อำนาจวิสุทธิทิพย์จะเข้ามาเพื่อบุคคลน้อมเข้ามาใส่ตนเท่านั้น

ผู้ ปฏิบัติพึงเฝ้าดูอาการของลมหายใจที่ลิ้นปี่ (ก้นปอด) ยามขยายตัวพองออกก็รู้แจ้งชัดว่าขยายพองตัวพองออก บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “พองหนอ” เมื่อมันยุบแฟบลงก็รู้แจ้งชัดว่ายุบแฟบลง บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “ยุบหนอ” นี่คืออานาปานสติฐานเดียว

เมื่อทราบวิธีการแล้วจึงลงมือ ปฏิบัติได้ โดยนั่งคู้บัลลังก์ เท้าขวาทับขาซ้าย หรือเท้าซ้ายทับขาขวา ก็ได้ตามถนัด เอามือขวาทับมือซ้าย หรือมือซ้ายทับมือขวา หรือประสานกันไว้วางบนหน้าตัก ตั้งกายให้ตรงดำรงสติให้มั่น

มองไป ที่พระพุทธรูป บอกกับตัวเองว่า “บัดนี้ฉันได้ถวาย ร่างกายและชีวิตนี้ต่อพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะปล่อยให้เป็นไปตามอำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บัดนี้ฉันจะเจริญสมาธิ ให้นิ่งอยู่ด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อม ฉันจะไม่สนใจเรื่องภายนอก ฉันจะไม่ยินดียินร้ายกับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่อาจมากระทบ จะสนใจเพียงประการเดียวคือความรู้ตัวอันบริสุทธิ์เท่านั้น” จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง

แล้วเริ่มสังเกตดูอาการของลมหายใจ เอาจิตจดจ่ออยู่ที่ลิ้นปี่ เฝ้าดูอาการของลมปราณอยู่อย่างปกติเฉย เมื่อมันพองออกก็บริกรรมว่า “พอง” เมื่อมันยุบก็บริกรรมว่า “ยุบ” ลมจะสั้นจะยาวจะช้าจะเร็ว อย่าเข้าไปบังคับมัน การเข้าไปบังคับลมหายใจจะทำให้ขาดความสมดุลในกระบวนการ อาจเกิดการอึดอัด เหนื่อยหอบ คอแห้ง เป็นต้น

ด้วยอำนาจของสตินั้นจะทำให้จิตถอนตัว ออกจากขันธ์และอาการของขันธ์ เมื่อเราถอนจิตออกจากขันธ์ ขันธ์จะผ่อนคลาย และสงบเย็น สิ่งผิดปกติในขันธ์จะถูกกำจัดออกไปปรากฎเป็นอาการต่างๆ ก็ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ตามและไม่ต้าน เสมือนขณะที่เรากวาดฝุ่นละอองออกจากบ้าน ฝุ่นกระจายฟุ้งไปเราก็ไม่คว้าฝุ่นนั้นไว้ หรือไล่ตามฝุ่นไปฉันใด ในยามที่เราชำระขันธ์ ความเครียดของกรรมเก่าคลายออกไป เราก็ไม่ต้องไปคว้ากรรมนั้นมาไว้อีก หรือไหลตามกรรมนั้นไปฉันเดียวกัน ปล่อยให้มันคลายออกไปตามกลไกธรรมชาติ เราพึงทรงสติรู้ดูเฉยอยู่ ขันธ์จะกระตุกเต้นก็ปล่อยไป แต่จิตจะไม่เข้าไปเต้นกระตุกด้วย ให้ทรงสติรู้อยู่ ด้วยวิธีนี้จิตจะถอนออกไป เมื่อกรรมนั้นคลายออกไปหมดก็เป็นอันสิ้นกรรมตัดเวรนั้นๆ ขาดไป แต่หากมีกรรมใหญ่ที่ไม่อาจคลายได้หมด หรือกรรมที่ตัดไม่ขาดเพราะยังมีเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญอยู่ ก็ให้เชิญเจ้ากรรมนายเวรมาแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล และทำพิธีอโหสิกรรม ตัดเวร เพื่อเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเสีย

ชำระขันธ์เพิ่มพลังอำนาจ

การ คลายกรรมและตัดกรรมออกไปด้วย จะทำให้ขันธ์ของท่านสะอาดโปร่งเบาขึ้น เมื่อใจสงบลง องค์ประกอบภายในอันได้แก่ กาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จะจัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น นำมาซึ่งความมั่นคง แข็งแรง และมีพลังอำนาจ

ความตึงเครียดทั้งหลายทั้งที่เครียดเพราะติดดี และติดเลว สามารถเอาออกจากขันธ์ได้โดยการลดความเร่าร้อนของจิตใจลง เมื่อใจสงบลงแล้ว อุณหภูมิของกายก็จะค่อยๆ ลดลง ขันธ์ต่างๆ ก็จะสงบลงระบบต่างๆ จะค่อยๆ จัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบ ช่วงนี้อาการเครียดอันแปลกปลอมอยู่ในร่างกายก็ดี ใจก็ดี จะเริ่มคลายออก ซึ่งอาจจะออกทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง

ทางร่างกาย เช่น ชาตามมือตามเท้า เกร็งทั้งตัว สั่น แน่นหน้าอก รู้สึกเสียวไปทั่วสารพางค์กาย ปวดศีรษะ ปวดเอว เมื่อยหลัง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมของการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ประพฤติผิดในกาม และดื่มน้ำเมา เสพสิ่งเสพติด

ทาง วาจา เช่น ร้องไห้ ร้องเพลง ส่งเสียงเอิ๊กอ๊าก ร้องด่าผู้อื่น โอดครวญคราง สารภาพผิด ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมของการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ล้อเลียน

ทางใจ เช่น รู้สึกอึดอัด มือตื้อ รู้สึกวาบหวิวเหมือนตกจากที่สูง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมทางใจที่โลภ โกรธ และหลงใหล งมงาย ขาดปัญญา

เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ อาการเหล่านี้จะเริ่มคลายออกมา หากมีอาการใดเกิดขึ้น นักปฏิบัติไม่ต้องตกใจ ปล่อยให้มันเกิด ไม่ตาม ไม่ต้าน ทรงสติมั่นรู้อยู่ เข้าใจอยู่ว่านั่นสักแต่ว่าเป็นผลกรรม ไม่เป็นตน เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เรารู้แล้วว่าทำชั่วได้ชั่วจริง ต่อไปนี้ชีวิตเราจะไม่ทำกรรมชั่วอีกแม้แต่น้อย ตั้งใจให้แน่วแน่เด็ดเดี่ยวแล้วอาการจะค่อยๆ หายไปเอง ที่สำคัญอย่าออกจากสมาธิในขณะที่มีอาการเพราะจะทำให้อาการนั้นค้างอยู่ใน ชีวิต ควรนั่งต่อไปจนอาการนั้นหายไปจึงค่อยออกจากสมาธิ

สมาธิควบคู่กับการงาน

การ ประกอบการงานเป็นกุศโลบายที่สำคัญมากที่จะประคองสมาธิไว้กับจิตใจให้ ตั้งมั่นตลอดเวลา นำพลังอำนาจของสมาธิมาใช้ประกอบการงานทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพ นำพลังอำนาจของสมาธิมาใช้ประกอบการงานทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพ ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างราบรื่นมีความเจริญทั้งในทางโลก และทางธรรม การเจริญสมาธิควบคู่กับการงานจึงเป็นตบะที่ทุกคนควรต้องฝึกหัดบำเพ็ญให้ เป็นที่ยิ่ง

การเจริญสมาธิควบคู่กับการงานนั้นควรบำเพ็ญสลับ ระหว่างนั่งกรรมฐาน และการออกสู่การงาน โดยนำอำนาจจิตที่เจริญขึ้นในระหว่างการภาวนานั้น มาใช้ประกอบการงานสรรค์สร้างความผาสุกให้กับสังคม เริ่มด้วยการออกจากกรรมฐานอย่างสำรวมระวัง รักษาสติอยู่เสมอในทุกๆ อิริยาบถที่เคลื่อนไหวไป อำนาจสมาธิก็จะตั้งมั่นแนบแน่นอยู่ในจิตใจ ด้วยการฝึกกรรมฐานแล้วออกมาผประกอบการงานนั้น เสมือนหนึ่งการย้อมผ้า เมื่อเรานำผ้าไปจุ่มสีแล้วก็เอาขึ้นมาตากแดด เมื่อตากแดดแรกสีย่อมจางไปบ้าง จึงเอาไปจุ่มสีอีก ตากแดดที่สองก็จางลงอีกเล็กน้อย จึงเอาไปจุ่มสีอีก จุ่มอีกตากแล้ว ตากแล้วจุ่มอีกเช่นนี้ จนสีแนบแน่นติดเนื้อผ้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน ครานี้แม้จะนำผ้าไปตากแดดสักเท่าใดสีก็ไม่เสียไป

การฝึกกรรมฐาน แล้วออกมาประกอบการงานก็เช่นกัน เมื่อมากระทบกับปัญหาในการทำงานครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่าจิตหวั่นไหวเสีย สมาธิไปบ้าง ก็เข้ากรรมฐานอีก เข้ากรรมฐานแล้วออกมาทำงานอีกเช่นนี้ตลอดไปในที่สุด จิตใจก็จะมั่นคงในทุกขณะของชีวิต แม้ระหว่างประกอบการงานหรือเผชิญคลื่นปัญหาที่รุนแรงเพียงใดก็ไม่ไหวหวั่น ที่สำคัญคือเมื่อออกจากกรรมฐานให้ประคองสติสัมปชัญญะไว้ด้วยความสำรวมระวัง และประกอบการงานหรือเผชิญคลื่นปัญหาที่รุนแรงเพียงใดก็ไม่ไหวหวั่น

การ จะพัฒนาจิตใจให้ก้าวหน้าไปสู่ความสมบูรณ์ได้นั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า จะต้องบำเพ็ญเป็นที่สม่ำเสมอ ดังนั้นจะหายใจทิ้งไปทำไมเปล่าๆ เล่า ควรเจริญสติ สมาธิ ไปด้วยทุกลมหายใจดีกว่าจะได้คุณประโยชน์อันเป็นอเนกอนันต์

ยามคิด คิดด้วยความสุขุม เปี่ยมด้วยเจตนาดีต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งปวงโดยส่วนรวม
ยามพูด พูดด้วยใจอันอ่อนโยน การุณย์
ยามกระทำ ก็ทำด้วยใจดี มีปัญญาใคร่ครวญในทุกกิจที่กระทำ

เมื่อ ปฏิบัติด้วยดีแล้ว การงานทั้งหมดจะสำเร็จด้วยใจ มีใจเป็นใหญ่ขับเคลื่อนอำนาจสู่การกระทำ เพื่อสร้างสรรค์งานให้สำเร็จลุล่วงด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์

นัก ปฏิบัติควรฝึกหัดกระทำดังนี้เสมอๆ ก็จะพบความมหัศจรรย์ของชีวิต พบคุณค่าแท้จริงของจิตใจ มีอำนาจภายในตั้งมั่นอยู่อย่างไม่เสื่อมสลาย

ระเบียบการพำนักปฏิบัติธรรมในวัดเขาสมโภชน์

ผู้ที่จะประสงค์จะพำนักปฏิบัติธรรมในวัดเขาสมโภชน์ โปรดศึกษาระเบียบปฏิบัตินี้ให้เข้าใจ ดีเสียก่อน เพื่อความกลมเกลียวกันในหมู่คณะ

1. ทุกท่านมีสิทธิเข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรม และพำนักในวัดเขาสมโภชน์ ได้เป็นเวลา 15 วัน หากท่านใดประสงค์จะอยู่เกิน 15 วัน โปรดขออนุญาตจากคณะสงค์ ก่อนโดยกรอกในสมัคร ที่แผนกทะเบียนแล้วนำไปยื่น ความจำนงต่อเจ้าอาวาส

2. นักปฏิบัติธรรมพึงอาศัยเสนาสนะตามที่ทางวัดจัดให้หากต้องการเปลี่ยนแปลงโยก ย้าย ให้ขออนุญาติเจ้าหน้าที่ก่อน เมื่อพำนักอาศัยแล้ว หากประสงค์ จะต่อเติมอาคารสถานที่ ต้องได้รับการสวดประกาศอนุมัติจากสงฆ์ก่อน ตามธรรมวินัย

3. ผู้พำนักอยู่ในวัดทุกท่าน ต้องดูแลความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของที่อยู่อาศัยให้ดีอยู่เสมอ ทั้งในกุฏิ วิหาร ห้อง คูหา และตามต้นไม้

หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าไม่สะอาด หรือไม่เรียบร้อย ครั้งแรกตักเตือน หากพบเป้นครั้งที่สอง บุคคลนั้นจะไม่มีสิทธิ์อยู่พำนักในวัดเขาสมโภชน์อีกต่อไป

4. ผู้ที่ต้องการจำพรรษาที่วัดเขาสมโภชน์ ต้องแจ้งความจำนงต่อเจ้าอาวาสล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าจำพรรษาในวัดเขาสมโภชน์จะติดประกาศให้ทราบโดยทั่ว กันล่วงหน้าก่อนเข้าพรรษาอย่างน้อย 15 วัน

5. ในระหว่างพำนักอยู่ การหยิบยืมของใช้ ของทางวัด ให้ยืมได้ที่เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบ เมื่อจะกลับให้นำเครื่องใช้ ที่ยืมไปมาส่งด้วยตนเอง มิฉะนั้น จะไม่ได้รับหนังสือสุทธิหรือบัตรประชาชนคืน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านเป็นหนี้สงฆ์ เพราะการเป็นหนี้สงฆ์ จะทำให้ชีวิตขัดสนไม่ร่ำรวย

6. ห้ามเข้าเขตหวงห้ามตามที่หลวงพ่อบอก หรือคณะสงฆ์ประกาศห้าม

7. ต้องเข้าร่วมประชุมบำเพ็ญศาสนกิจ ตามที่กำหนดไว้ โดยพร้อมเพรียงกัน

8. ห้ามเสพหรทอสะสม บุหรี่ หมาก สุรา ยานัตถ์ หรือสิ่งมึนเมาต่างๆ โดยเด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนจะนิมนต์ออกนอกวัด

9. การเทเศษอาหารหรือขยะมูลฝอยอื่น ๆ ต้องเทในที่จัดไว้เท่านั้น


กำหนดเวลาปฏิบัติกิจ

03.00 น. ตื่นนอน ทำกิจส่วนตัว ประชุมพร้อมกันที่วิหารเอนกประสงค์
04.00 น. ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา
06.00 น. พระภิกษุ สามเณร โคจรบิณฑบาต
เถร ชี อุบาสก อุบาสิกา ทำความสะอาด ที่อยู่อาศัยและลานวัด
08.00 น. ฉันภัตตาหารบนหอฉันบูรพาจารย์
10.00 น. ตามอัธยาศัย
12.30 น. ประชุมภาวนาที่วิหารอเนกประสงฆ์ จตฺตมโล
15.00 น. ทำงานส่วนร่วมตามที่สงฆ์ มอบหมายให้
18.30 น. ทำวัตรพระเจริญภาวนาพร้อมกันบนวิหารเอกนกประสงค์ จตฺตมโล
21.00 น. ทำวัตรเย็น
22.00 น. ดับไฟ-เข้านอน

ติดต่อสอบถามฝ่ายธุรการวัด โทร 081-216-5168


การเดินทาง

การ เดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นวงแวนรอบนอกไปลงสระบุรี แล้วขับรถตรงไปตลอดจนถึงแยก พุแค มันจะมีโค้งซ้ายกับโค้งขาว ให้เราโค้งซ้าย และขับตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกม่วงค่อมให้เลี้ยวขวา ขับตรงไปอีกประมาณ 20 กม. ก็จะเห็นป้ายบอกวัดเขาสมโภชน์ ให้เลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 10 กม. ก็จะเจอทางเข้าวัด (ให้สังเกตุโรงเรียนวัดเขาสมโภชน์) ให้เลี้ยวขวาเข้าก็จะถึงวัด แล้วอีกประมาณ 3 กม.

การโดยสารรถตู้จากกรุงเทพฯ รถตู้กฤตบริการ
วัดเขาสมโภชน์-กรุงเทพฯ (จอดในวัดเขาสมโภชน์)
คันที่ 1 ออก 07.00 น. ถึง 10.30 น.
คันที่ 2 ออก 07.45 น. ถึง 11.30 น.

กรุงเทพฯ-วัดเขาสมโภชน์ (จอดหน้าโรงพยาบาลราชวิถี) หน้าอนุสาวรีชัยสมรภูมิ
คันที่ 1 ออก 11.00 น. ถึง 14.30 น.
คันที่ 2 ออก 14.00 น. ถึง 17.30 น.



วัดเขาสมโภชน์
เลขที่ 11 หมู่ 5 ต.บัวชุม
อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130
ตู้ ปณ. 10 ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130
โทร. 08-1216-5168, 08-1817-8341

เจ้าแม่กวนอิม ประวัติเจ้าแม่กวนอิม (ใครอ่านและภาวนาสมความปรารถนาแน่นอน)

เจ้าแม่กวนอิม ประวัติเจ้าแม่กวนอิม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Names
อักษรจีนตัวย่อ: 观音, 观世音
อักษรจีนตัวเต็ม: 觀音, 觀世音
พินอิน: Guān Yīn, Guān Shì Yīn
Wade-Giles: Kuan Yin, Kuan Shih Yin
สำเนียงแต้จิ๋ว: Kwun Yum, Koon Yam
สำเนียงแคะ: Kwan Yim
สำเนียงไต้หวัน: Koan-im, Koan-sè-im
ภาษาญี่ปุ่น | คันจิ: 観音, 観世音
โรมะจิ: Kannon, Kanzeon
ภาษาเกาหลี | อักษรฮันกุล: 관음, 관세음
เกาหลี: Gwan-eum, Gwan-se-eum
ภาษาเวียดนาม: Quan Âm, Quan Thế Âm

เจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของจีน คือตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ก่อให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรีขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้นดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร ซึ่งเป็นการผสมผสานกลมกลืนทางความเชื่อที่ปราศจากข้อขัดแย้ง เนื่องจากในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรได้อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรนั้นสามารถแบ่งภาคเพื่อโปรดสรรพสัตว์ได้มากมายทั้งปางบุรุษและสตรี และเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์มหายานที่เมื่อเข้าไปสู่ดินแดนอื่นทั้งทิเบต จีน หรือญี่ปุ่น ย่อมผสมผสานกลมกลืนได้กับเทพท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างในกรณีพระอวโลกิเตศวรนี้ Sir Charles Eliot ได้ตั้งข้อสังเกตว่า "คงเนื่องมาจากความสับสนทางความคิดของชาวจีนในยุคนั้น ซึ่งบูชาเทพเจ้าต่างๆ ของตนอยู่แล้ว และเมี่ยวซ่านก็เป็นเทพวีรชนดั้งเดิมอยู่ก่อน พออารยธรรมพระโพธิสัตว์จากอินเดียแผ่เข้าไปถึง ได้เกิดการผสานทางวัฒนธรรมเปลี่ยนชื่อเสียงคงไว้เพียงแต่คุณลักษณะต่าง ๆ พอให้แยกออกว่าเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์"

พระโพธิสัตว์กวนอิมในตำนานฝ่ายจีน

พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) ชาติสุดท้ายเป็น ราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดา มาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อ เมี่ยวอิม องค์รองชื่อ เมี่ยวหยวน เยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อหลุดพ้นสังสารวัฏ ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอม แม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด

ต่อมาองค์หญิงสามได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงมีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เกี่ยงงานการต่างๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้

พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต เทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก

ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม วันที่ 19 เดือน 6 ข้างฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีก

ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธการกระทำพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่า ภายหลังสำเร็จอรหันต์ ได้ดวงตาและพระกรคืน เคยแสดงปาฏิหารย์เป็นปางกวนอิมพันมือ องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ เหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน



บทสวดมนต์เจ้าแม่กวนอิม

คาถาสวดพระนามพระโพธิสัตต์กวนอิม
นำโม กวงซีอิม ผู่สัก ( 3 หรือ 5 หรือ 9 จบ)

พระแม่กวนอิมพระมหาโพธิสัตว์
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก ( กราบที่ 1 )
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก ( กราบที่ 2)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก ( กราบที่ 3)
นำโมฮู๊ก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโค่ว กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียออฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ซ่าผ่อออ เทียงล้อซิ้ง ตี่ล้อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งหลีซิง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง นำโมม่อออ ปวกเยี่ยปอล้อบิ๊ก ( กราบ 1 จบ )

...

มหากรุณาธารณีสูตร


“โชย ซิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว” 3 จบ “ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้” 3 จบ


คำอ่าน นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย . นำ มอ ออ ลี เย . ผ่อ ลู กิด ตี ชอ ปอ ลา เย . ผู่ ที สัต ตอ ผ่อ เย . หม่อ ฮอ สัก ตอ ผ่อ เย . มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย งัน . สัก พัน ลา ฮัว อี . ซู ตัน นอ ตัน เซ . นำ มอ สิด กิด ลี ตอ อี หม่ง ออ ลี เย . ผ่อ ลู กิด ตี สิด ฮู ลา เลง ถ่อ พอ . นำ มอ นอ ลา กิน ชี . ซี ลี หม่อ ฮอ พัน ตอ ซา เม . สะ พอ ออ ทอ เตา ซี พง . ออ ซี เย็น . สะ พอ สะ ตอ นอ มอ พอ สะ ตอ . นอ มอ พอ เค . มอ ฮัว เตอ เตา . ตัน จิต ทอ งัน ออ พอ ลู ซี . ลู เกีย ตี . เกีย ลอ ตี . อี ซี ลี . หม่อ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ . สัต พอ สัต พอ . มอ ลา มอ ลา . มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน . กี ลู กี ลู กิด มง . ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี . หม่อ ฮอ ฮัว เซ เย ตี . ทอ ลา ทอ ลา . ตี ลี นี . สิด ฮู ลา เย . เจ ลา เจ ลา . มอ มอ ฮัว มอ ลา หมก ตี ลี . อี ซี อี ซี . สิด นอ สิด นอ . ออ ลา ซัน ฮู ลา เซ ลี . ฮัว ซอ ฮัว ซัน . ฮู ลา เซ เย . ฮู ลู ฮู ลู มอ ลา . ฮู ลู ฮู ลู ซี ลี . ซอ ลา ซอ ลา . สิด ลี สิด ลี . ซู ลู ซู ลู . ผู่ ถี่ เย ผู่ ที เย . ผู่ ทอ เย ผู่ ทอ เย . มี ตี ลี เย . นอ ลา กิน ชี . ตี ลี สิด นี นอ . ผ่อ เย มอ นอ . ซอ ผ่อ ฮอ . สิด ถ่อ เย . ซอ ผ่อ ฮอ . หม่อ ฮอ สิด ถ่อ เย . ซอ ผ่อ ฮอ . สิด ทอ ยี อี . สิด พัน ลา เย . ซอ ผ่อ ฮอ . นอ ลา กิน ชี . ซอ ผ่อ ฮอ . มอ ลา นอ ลา . ซอ ผ่อ ฮอ . สิด ลา เซง ออ หมก เค เย . ซอ ผ่อ ฮอ . ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ ออ สิด ถ่อ เย . ซอ ผ่อ ฮอ . เจ กิด ลา ออ สิด ถ่อ เย . ซอ ผ่อ ฮอ . ปอ ทอ มอ กิด สิด ถ่อ เย . ซอ ผ่อ ฮอ . นอ ลา กิน ชี . พัน เค ลา เย . ซอ ผ่อ ฮอ . มอ ผ่อ ลี เซง กิด ลา เย . ซอ ผ่อ ฮอ . นำ มอ ห่อ ลา ตัน นอ ตอ ลา เย เย . นำ มอ ออ ลี เย . ผ่อ ลู กิด ตี . ชอ พัน ลา เย . ซอ ผ่อ ฮอ . งัน สิด ติน ตู . มัน ตอ ลา . ปัด ถ่อ เย . ซอ ผ่อ ฮอ .



ข้อมูลจาก
th.wikipedia.org

คำคม คารม อารมณ์รัก สำนวนภาษาอังกฤษ about LOVE

สำนวนภาษาอังกฤษ abou LOVE (aidsarawed and tanakorn cheevitrungrueang)


I love you not because of who you are, but because of who I am when I am with you.

ฉันรักเธอไม่ใช่เพราะสิ่งที่เธอเป็น แต่รักเพราะสิ่งที่ฉันเป็น เวลาที่ได้อยู่กับเธอ



No man or woman is worth your tears, and the o­ne who is, won't make you cry.

ไม่มีผู้ชาย(หรือผู้หญิง)คนไหนควรค่ากับน้ำตาของเธอ แต่ต่อให้มีคนที่มีค่ามากพอที่เธอจะเสียน้ำตาให้ เค้าจะต้องไม่ทำให้เธอร้องไห้



Just because someone doesn't love you the way you want them to, doesn't mean they don't love you with all they have.

ดารที่ใครซักคนไม่ได้รักเธอแบบที่เธอต้องการให้เป็น ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ได้รักเธอด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เค้ามี



A true friend is someone who reaches for your hand and touches your heart.

เพื่อนที่แท้จริงคือใครซักคนที่ยื่นมาเข้ามาถึง และสัมผัสได้ถึงใจและความรู้สึกเธอ



The worst way to miss someone is to be sitting right beside them knowing you can't have them.

สิ่งที่แย่ที่สุดเวลาคิดถึงใครคนนึง....คือเวลาที่เธอใกล้เค้าที่สุด แต่เค้าดูไดลเหลือเกิน เพราะเธอไม่มีทางได้เค้ามา



Never frown, even when you are sad, because you never know who is falling in love with your smile.

อ๊ะ อย่าขมวดคิ้ว แม้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์เสียใจ เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่า กำลังมีใครตกหลุมรักรอยยิ้มของเธออยู่รึเปล่า



To the world you may be o­ne person, but to o­ne person you may be the world.

เธออาจจะเป็นแค่คนนึงในโลกนี้ แต่ในทางกลับกัน เธออาจจะเป็นโลกทั้งใบสำหรับใครบางคน



Don't waste your time o­n a man/woman, who isn't willing to waste their time o­n you.

อย่าเปลืองเวลาของเธอให้กับ ช (หรือ ญ) ที่ไม่คิดจะให้แบ่งเวลาของเค้ากับเธอ



Maybe God wants us to meet a few wrong people before meeting the right o­ne, so that when we finally meet the person, we will know how to be grateful.

บางทีอาจจะเป็นความต้องการของพระเจ้าที่ต้องการให้เราเจอกับคนที่ไม่ใช่คู่ของเราซะก่อน เพื่อว่าเมื่อวันนึงที่เราได้เจอกับคนๆนั้นที่"ใช่" เราจำได้รู้ซึ้งว่า ความสุข และความพอใจเป็นยังไง



Don't cry because it is over, smile because it happened.

อย่าร้องไห้ กับสิ่งที่จบไปแล้ว แต่จงยิ้ม กับสิ่งที่เกิดขึ้น



There's always going to be people that hurt you so what you have to do is keep o­n trusting and just be more careful about who you trust next time around.

คนที่ทำให้เธอต้องเจ็บและเสียใจมีอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปเธอควรคิดก่อนที่จะเชื่อใจใครสักคน แต่อย่าถึงกับหมดศรัทธาในความเชื่อของเธอ



Make yourself a better person and know who you are before you try and know someone else and expect them to know you.

ก่อนที่จะคาดหวังให้คนอื่นมาเข้าใจเธอ เธอควรจะเข้าใจและรู้จักตัวเองซะก่อน



Don't try so hard, the best things come when you least expect them to.

อย่าหวังให้มาก ...สิ่งที่ดีที่สุดมักเกิดขึ้นเมื่อเธอไม่ได้คาดฝัน



"Love is the triumph of imagination over intelligence."

ความรักคือชัยชนะของจินตนาการที่อยู่เหนือไหวพริบ



"Love or friendship, o­ne cannot serve two masters."

ความรักหรือมิตรภาพ คุณเลือกได้เพียงหนึ่งเท่านั้น



"Love is like glass. If you drop it, it shatters and can never be put completely back together, if you can put it back together at all. But love can also be like porceline - if it's meant to be it'll never crack."

ความรักก็เหมือนเครื่องแก้ว เมื่อทำตกไปแล้วก็ไม่สามารถจะทำให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้ ความรักก็เหมือนเช่นเครื่องแก้วชั้นดีที่ไม่มีรอยตำหนิแม้สักนิด



"Love is a beautiful thing, it must be treated with tenderness and compassion or, like a rose, it's thorns can make it dangerous."

ความรักเป็นสิ่งสวยงามที่สามารถให้คุณได้ทั้งความอ่อนโยนและความเข้าใจ ดั่งเช่นดอกกุหลาบ แต่หนามของมันก็เป็นอันตรายเช่นกัน



"Love is the constant feeling of completeness when you are with that someone and not wanting that moment to end for anything."

ความรักคือความรู้สึกสมบูรณ์และมั่นคงต่อใครสักคนและไม่ต้องการให้ช่วงเวลานั้นจบสิ้นไป



"Certain chance occurrences have caused our paths to meet. Destiny has joined our hearts and made our lives complete."

ความบังเอิญแน่นอนที่ทำให้เราพบกัน และพรหมลิขิตก็ผนึกหัวใจสองเราเข้าด้วยกัน ได้เติมเต็มชีวิตซึ่งกันและกัน



"Choosing a love and then being strong enough to live up to your commitment of love is the essence of love."

การเลือกที่จะรัก และเข้มแข็ง ทำตัวให้ดีสมกับที่อุทิศตนในรักนั้น คือแก่นแท้แห่งความรัก



"Don't stop giving love even if you don't receive it. Smile and have patience."

อย่าหยุดที่จะหยิบยื่นความรัก ถึงแม้คุณจะไม่ได้รับมันตอบ จงยิ้มสู้และมีความอดทน



"Don't look at someone by where they're from; rather, look at what they are, and what they do because true love has no boundries."

จงอย่าตัดสินผู้คนเพียงดูว่าเขามาจากไหน แต่จงมองว่าเขาเป็นใครและทำอะไร เพราะความรักไม่เคยมีขอบเขต



"Distance doesn't count if there is love in between."

ระยะทางไม่มีความหมายสำหรับคนที่มีรัก



"Don't marry a person you can live with, marry somebody you can't live without."

อย่าแต่งงานกับคนที่คุณสามารถอยู่ด้วยได้ จงแต่งงานกับคนที่คุณขาดเค้าไม่ได้



"Don't rely o­n the past to create the future, rely o­n the future to erase the past."

อย่าวางใจใช้อดีตเป็นตัวสร้างอนาคต แต่ให้ใช้อนาคตเป็นตัวลบอดีตนั้น



"Don't kill your love with fear."

อย่าให้ความวิตกทำลายความรักของคุณ



"Distance can never undo the love of two hearts."

ระยะทางไม่สามารถทำลายความรักจากหัวใจสองดวงได้



"Everybody is somebodys daydream."

ทุกๆ คนเป็นฝันกลางวันของใครบางคนได้เสมอ



"Every day is a new start and a chance to make right what went wrong yesterday."

ทุกๆ วันเป็นการเริ่มต้นใหม่ และเป็นโอกาสที่จะแก้ไขสิ่งผิดพลาดในวันวาน



"I don't regret the things I have done or the things I have chosen not to do because what ever I've done, I must have done something right because I ended up with you."

ฉันไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ได้เลือกหรือทำไปแล้ว นั่นเพียงเพราะว่าทุกๆ สิ่งที่ฉันได้ทำคงจะเป็นเรื่องถูกต้องแล้วในเมื่อวันนี้ฉันมีเธออยู่เคียง ข้าง...



"If you have reasons for loving someone, then you are using your mind, but if you love someone for no reason, then you are using your heart."

ถ้าคุณรู้ว่าคุณรักใครเพราะอะไร นั่นเพราะคุณใช้ความคิดในการรักเขาคนนั้น แต่เมื่อไหร่ที่คุณรักใครสักคนโดยไม่มีเหตุผล นั่นเพราะคุณใช้หัวใจรักเขา



If the eye is a window to the soul then the heart is the doorway to love."

หากดวงตาเป็นหน้าต่างสู่จิตวิญญาณ ดังนั้นหัวใจก็เป็นประตูสู่ความรัก



"In the arithmetic of love, o­ne plus o­ne equals everything, and two minus o­ne equals nothing."

ในข้อที่ว่าเกี่ยวกับเลขคณิตของความรัก 1+1 จะเป็นได้ในทุกๆ สิ่ง และ 2 - 1 เท่ากับไม่มีอะไรเหลือเลย



"It o­nly takes a second to say "I love you", but it will take a lifetime to show you how much."

ใช้เวลาแค่เพียงชั่ววินาทีในการบอกว่า "ฉันรักเธอ" แต่ใช้เวลาตลอดชีวิตในการแสดงให้เห็นว่า รักมากเพียงไร



"In the end the love you take is equal to the love you make!"

ในท้ายที่สุดของความรักที่คุณได้มานั้น มีค่าเท่ากับความรักที่คุณสร้างมันขึ้นมา



If you love two people, you don't love either o­ne enough."

ถ้าคุณรักใครสองคนพร้อมกัน นั่นหมายถึงคุณไม่ได้รักใครอย่างแท้จริงเลย



"I know I won't live forever, but forever I'll be loving you."

ฉันรู้ว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาว แต่ความรักที่ฉันมีต่อเธอจะยืนยง



"When you think you don't need love is when you need it most."

เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีความรัก นั่นคือ เวลานั้นคุณต้องการมันเป็นที่สุด



"When looking for love, don't be selfish and look just to be loved,look for love to give all the love you have. o­nly then can you find love."

ในขณะที่คุณกำลังชำเลืองหาความรัก จงอย่าเห็นแก่ตัวที่จะรับความรักแต่เพียงฝ่ายเดียว

แต่จงค้นหาความรักที่ทำให้คุณรู้จักการให้ในความรักที่คุณมีทั้งหมด เมื่อนั้นคุณจะค้นพบความรัก



"When a young man complains that a young woman has no heart, it is pretty sure that she has his."

เวลาที่ชายหนุ่มคร่ำครวญว่า หญิงสาวคนนั้นไม่มีหัวใจ แน่นอนเลยว่า หล่อนอยู่ในหัวใจเขาแล้ว



"When you love, don't give your all, but give your best. It's not quantity after all, it's quality."

เมื่อคุณมีรัก มิใช่มอบให้เขาทั้งหมด แต่จงให้ในสิ่งที่ดีที่สุด เพราะทั้งหมดไม่ใช่ปริมาณ แต่เป็นคุณภาพต่างหาก



"We may not always know the moment that love begins, but we always know when it ends."

เราไม่เคยรู้เลยว่าความรักเริ่มต้นเมื่อไหร่ แต่เราจะรู้ดีเสมอเมื่อมันสิ้นสุดลง



"True love is like ghosts, which everyone talks about but few have seen."

รักแท้เหมือนวิญญาณ ที่ทุกคนกล่าวขวัญถึง แต่คนน้อยนักที่จักได้เห็น



"Absence does for love what the wind does for a flame: it extinguishes the weak, and feeds the strong."

ความรักไม่มีตัวตน เสมือนกับลมที่ทำให้เปลวไฟติด หรือดับได้ รักก็สามารถทำให้คนอ่อนแอ หรือเข้มแข็งได้เช่นกัน



"Absence to love is like the wind to fire,It extinguishes the small but kindles the great."

การห่างเหินมีค่าต่อความรักประหนึ่งสายลมต่อไฟ มันจะทำให้รักที่เล็กน้อยมอดลง แต่จะโหมความรักที่ยิ่งใหญ่