ksc connection

กรวดน้ำ คืออะไร และทำเพื่ออะไร?(ตั้งจิตให้มั่น หมั่นทำปฏิบัตจะเจริญรุ่งเรือง)

กรวดน้ำ คืออะไร และทำเพื่ออะไร?


กรวดน้ำ คือ การตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่เราได้ทำไว้แล้วไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หร้อมทั้งรินน้ำให้ไหลลงไปที่พื้นดิน หรือ ที่รองรับแล้วเอาไปเทที่พื้นดินอีกต่อหนึ่ง หรือ รดที่โคนต้นไม้ก็ได้ เพื่อให้จำง่ายไม่สับสน จึงขอแยกเป็นข้อๆ ดังนี้


1. การกรวดน้ำ มี 2 วิธี คือ
1.1 กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
1.2 กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนม อธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้


2. การอุทิศผลบุญมี 2 วิธี คือ
2.1 อุทิศเจาะจง ได้แก่ การออกชฃื่อผู้ที่เราจะให้ท่านรับ เช่น พ่อ...แม่..ลูก..หรือใคร่ก็ได้
2.2 อุทิศไม่เจาะจง ได้แก่ การกล่าวรวมๆ กันไป เช่น ญาติทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นต้น
ทางที่ถูก ควรทำทั้งสองวิธี คือ ผู้ที่มีคุณหรือมีเวรต่อกันมากเราควรอุทิศเจาะจงที่เหลือก็อุทิศรวมๆ


3. น้ำกรวด ควรเป็นน้ำที่สะอาด ไม่มีสีและกลิ่น และเมื่อกรวดก็ควรรินลงในที่สะอาด อย่ารินลงกระโถนหรือที่สกปรก


4. น้ำเป็นสื่อ – ดินเป็นพยาน การกรวดน้ำ มิใช่อุทิศไปให้ผู้ตายกินน้ำ แต่ใช้น้ำเป็นสื่อและใช้แผ่นดินเป็นพยานให้รับรู้ ในการอุทิศส่วนบุญ



5. ควรกรวดน้ำตอนไหน ? ควรกรวดน้ำทันทีในขณะที่พระอนุโมทนา แต่ถ้าไม่สะดวกจะทำตอนหลังก็ได้ แต่ทำในขณะนั้นดีกว่าด้วยเหตุ 2 ประการ
5.1 ถ้ามีเปรตญาติมารอรับส่วนบุญ ท่านก็ย่อมได้รับในทันที
5.2 การรอไปกรวดที่บ้าน หรือ กรวดภายหลังบางครั้งก็อาจลืมไปผู้ที่เขาตั้งใจรับก็อด ผู้ที่เราตั้งใจจะให้ก็ชวดไปด้วย


6. ควรรินน้ำตอนไหน ? ควรเริ่มรินน้ำพร้อมกับตั้งใจอุทิศในขณะที่พระผู้นำเริ่มสวดว่า “ยะถา วาริวะหาปูรา...” และ รินให้หมดในเมื่อพระว่ามาถึง “...มะณิโชติระโส ยะถา...” พอพระทั้งหมดรับพร้อมกันว่า “สัพพีติโย วิวัชชันตุ...” เราก็พนมมือรับพรท่านไปจนจบ จึงจะถือว่ถูกต้อง


7. ถ้ายังว่าบทกรวดน้ำไม่เสร็จ จะทำอย่างไร ? ก็ควรใช้บทกรวดน้ำที่สั้นๆ หรือใช้บทกรวดน้ำย่อก็ได้ เช่น “อิทัง โน ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตโยะ ขออุทิศส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่.... (ออกชื่อผู้ล่าวลับ) และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด หรือจะใช้แต่ภาษาไทยอย่างเดียว ก็ได้ว่า “ขออุทิศส่วนบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนี้จงสำเร็จแก่ พ่อ แม่ ญาติ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงได้รับส่วนบุญกุศลครั้งนี้โดยเร็วพลัน และโดยทั่วถึงกันเทอญ.”

ส่วนบทยาวๆ เราควรเอาไว้กรวดส่วนตัว พรือกรวดในขณะทำวัตรสวดมนต์รวมกันก็ได้

ข้อสำคัญ ถ้าเป็นภาษาพระ ควรจะรู้คำแปล หรือความหมายด้วยถ้าไม่รู้ความหมายก็ควรใช้คำไทยอย่างเดียวดีกว่า เพราะป้องกันความโง่งมงายได้


8. อย่าทำน้ำสกปรก ด้วยกาเอานิ้วไปรอไว้ ควรรินให้ไหลเป็นสายไม่ขาดระยะ และไม่ควรใช้วิธีเกาะตัวกันเป็นกลุ่ม หรือ เป็นทางเหมือนเล่นงูกินหาง ถ้าเป็นในงานพิธีต่างๆ ให้เจ้าภาพหรือประธาน รินน้ำกรวดเพียงคนเดียว หรือคู่เดียวก็พอ คนนอกนั้นก็พนมมือตั้งใจอุทิศไปให้


9. การทำบุญและอุทิศส่วนกุศล ควรสำรวมจิตใจ อย่าให้จิตฟุ้งซ่าน ปลูกศรัทธา ความเชื่อ และปสาทะความเลื่อมใสให้ มั่นคงในจิตใจ ผลของบุญและการอุทิศส่วนบุญ ย่อมมีอานิสงส์มาก ผลบุญที่เราอุทิศไปให้ ถ้าไม่มีใครมารับก็ยังคงเป็นของเราอยู่ครบถ้วน ไม่มีผู้จะมาโกงหรือแย่งชิงเอาไปได้เลย



10. บุญเป็นกายสิทธิ์ ยิ่งให้ยิ่งมาก ยิ่งตระหนี่ยิ่งน้อย ยิ่งอุทิศให้คนอื่นหมดเลย เราก็ยิ่งจะได้บุญหมดเลย

(ขออนิสงฆ์ในการเผยแพร่นี้จงแพร่ไปให้ไพศาลถึงคุณบิดามารดา ปู่ย่าตายาย เจ้ากรรมนายเวร หลวงพ่อคง พระร่วง หลวงพ่อทองดี น้องนิมิต เทวา16ชั้นฟ้า15ชั้นดิน พระแม่ธรณี เทอญ.สาธุ)

1 ความคิดเห็น:

  1. เมื่อท่านจิตคิดเป็นกุศล ทำการใดๆที่พระคถาคตกล่าวไว้ว่านั่นคือ"บุญ"ท่านจงตั้งจิตให้แน่วแน่ตั้งใจให้เหลือประมาณ หยาดน้ำลงพื้น และกล่าวว่า แม่พระธรณีจงเป็นพยาน ขอบุญที่ข้าได้สร้างนี้ขออุทิศแด่ เทวดารักษาตัวข้า เจ้ากรรมนายเวรของข้า คุณบิดามารดา...ฯลฯ แล้วแต่ท่านจะเอ่ยนามออกมา (ต้องตั้งใจนะ)แล้วเดี๋ยวท่านจะเห็นอานิสงฆ์การกรวดน้ำอย่างอัศจรรย์ในไม่ช้าไม่นาน...ขอให้บุญรักษา ทุกๆท่าน สาธุ

    ตอบลบ